ใครบ้างที่ควรจัดฟัน ?
โดยทั่วไปผู้ป่วยที่มาปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน มักจะมีปัญหาฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันยื่น ฟันล่างสบคร่อมฟันบน
การจัดฟันแบบติดแน่นจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียงฟันและปรับตำแหน่งฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับรูปหน้าของผู้ป่วย ทำให้ได้ความสวยงามของฟันและรูปหน้า เพิ่มประสิทธิภาพการการบดเคี้ยว และทำให้ผู้ป่วยสามารถดูแลสุขภาพช่องปากได้ดีขึ้น
เช็คดูว่าคุณมีลักษณะฟันที่สมควรจัดฟันหรือไม่ คลิก
เครื่องมือจัดฟันแบบโลหะชนิดรัดยาง (Metal braces) เป็นการจัดฟันโดยการติดเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะคุณภาพสูง (3M Unitek MBT Braces) ไว้บนผิวฟันด้านหน้า แล้วใส่ลวดผ่านเครื่องมือเหล่านี้ เพื่อทำการเคลื่อนฟันและเรียงฟันให้สวยงาม จะต้องมีการเปลี่ยนยางทุกเดือน เนื่องจากยางหมดอายุการใช้งาน เหมาะสำหรับผู้ป่วยไม่มีปัญหาในการที่คนอื่นสามารถมองเห็นการจัดฟันของตนได้ เป็นที่นิยมสูงสุดและค่าใช้จ่ายน้อยกว่าแบบอื่น ๆ
การจัดฟันแบบไม่ใช้ยางรัด (Self ligating brackets)
เครื่องมือจัดฟันแบบโลหะไม่ใช้ยางรัดดามอน (Damon Q)
ดามอน (Damon) เป็นเครื่องมือจัดฟันแบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงเสียดทานของเครื่องมือขณะที่ใช้เคลื่อนฟัน ทำให้การเคลื่อนฟันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับประสิทธิภาพของลวดชนิด Hi-tech light-force archwires ที่ช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ได้เร็ว เพียงใช้แรงเบาๆ
เครื่องมือจัดฟันแบบใสไม่ใช้ยางรัด (Tomy Clippy-C)
Tomy Clippy-C เป็นเครื่องมือติดแน่นแบบใส (Clear Braces) หรือเครื่องมือติดแน่นสีเหมือนฟัน (Tooth-colored Braces) นวัตกรรมใหม่คล้ายอุปกรณ์ดามอน แต่ถูกพัฒนาเพื่อความสวยงามโดยเฉพาะ มีการออกแบบโดยใช้วัสดุเซรามิคแทนโลหะทำให้เครื่องมือมีสีใกล้เคียงกับฟันจึงไม่ค่อยเป็นที่สังเกตมากนัก
การจัดฟันมี 2 แบบหลักๆ คือจัดฟันแบบติดแน่น และการจัดฟันแบบถอดได้
1. การจัดฟันแบบติดแน่นคือการจัดฟันที่ติดเครื่องมือจัดฟันบนตัวฟัน และปรับการเรียงตัวของฟันโดยใช้ลวด ยึดกับเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งการจัดฟันแบบติดแน่นนี้ จะถอดเครื่องมือได้ก็ต่อเมื่อจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยทันตแพทย์ผู้รักษาจะเป็นผู้ถอดออกให้ ได้แก่ จัดฟันโลหะ หรือจัดฟันทั่วไป จัดฟันเซรามิก จัดฟันดามอน จัดฟันด้านใน
2. การจัดฟันแบบถอดได้ เป็นเครื่องมือจัดฟันที่คนไข้สามารถถอดเข้า-ออกได้ด้วยตัวเอง เป็นการจัดฟันกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะง่ายสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน ทำความสะอาดง่าย คนอื่นมองไม่เห็นว่าจัดฟันอยู่ ซึ่งการจัดฟันประเภทนี้ คือการจัดฟันใส invisalign
การจัดฟันแบบติดแน่นสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือช่วงอายุประมาณ 12-14 ปี และมีฟันแท้ขึ้นครบ (ไม่นับรวมฟันกรามแท้ซี่ที่ 3) ในช่วงอายุดังกล่าวฟันสามารถเคลื่อนที่ได้ง่าย และเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้ามากที่สุด การจัดฟันในช่วงนี้จึงสามารถปรับแก้ไขโครงสร้างใบหน้าที่ผิดปกติได้ด้วย
ในปัจจุบัน เครื่องมือที่ใช้สำหรับการจัดฟันได้มีการออกแบบให้ดูไม่ดูเทอะทะและมีการนำวัสดุสีเหมือนฟันมาใช้ ทำให้มองเห็นเครื่องมือได้ไม่ชัดเจนเหมือนการจัดฟันในอดีต ทุกวันนี้การจัดฟันในผู้ใหญ่จึงเป็นที่นิยมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแก้ฟันซ้อนเกที่บิดหมุนเพื่อให้แปรงสีฟันเข้าไปทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น การปิดช่องว่างระหว่างฟันหน้า การจัดฟันก่อนใส่ฟันปลอม และ/หรือ รากฟันเทียม ตลอดจนการจัดฟันร่วมกับผ่าตัดขากรรไกรเพื่อแก้ไขรูปหน้า
อย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่มักจะมีโรคปริทันต์อักเสบร่วมด้วย ดังนั้นก่อนเริ่มจัดฟันจะต้องรักษาสภาวะปริทันต์อักเสบโดยการขูดหินปูนและเกลารากฟันให้เรียบร้อยก่อน เมื่อมีอวัยวะปริทันต์ที่สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ก็สามารถจัดฟันได้ตามปกติ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องถอนฟันเพื่อจัดฟันเสมอไป ขึ้นอยู่กับปัญหาที่ทำให้มาพบทันตแพทย์จัดฟัน รวมถึงลักษณะฟันและรูปหน้าของผู้ป่วย ซึ่งจะพิจารณาได้จากภาพถ่ายรังสีประกอบการพิจารณา
เคสที่มักจะต้องถอนฟันร่วมด้วย จะมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ การมีฟันยื่นและการมีฟันซ้อนเกมาก การถอนฟันจะทำให้มีช่องว่างเพื่อที่จะเรียงฟันที่ซ้อนเก และ/หรือ ดึงฟันเข้าเพื่อลดความยื่นของฟันได้ โดยช่องที่เกิดจากการถอนฟันเพื่อจัดฟันจะถูกปิดโดยไม่ต้องใส่ฟันปลอม ฟันที่มักถูกถอนเพื่อใช้ในการจัดฟันมักเป็นฟันกรามน้อยที่อยู่หลังฟันเขี้ยว อาจจะเป็นฟันกรามน้อยซี่ที่หนึ่ง หรือ ฟันกรามน้อยซี่ที่สอง ขึ้นกับดุลยพินิจของทันตแพทย์จัดฟัน หรือในบางกรณีที่ผู้ป่วยมีฟันซี่อื่น ๆ ที่พิจารณาแล้วว่าอาจมีปัญหาในอนาคต เช่น มีวัสดุอุดฟันขนาดใหญ่ ฟันที่มีรูปร่างผิดปกติ ทันตแพทย์จัดฟันอาจจะพิจารณาถอนฟันเหล่านั้นแทนได้เช่นกัน
ในผู้ป่วยบางรายที่มีฟันคุดของฟันกรามซี่ที่สาม ก็จะเป็นฟันที่ทันตแพทย์จัดฟันมักจะแนะนำให้เอาออก บางรายอาจจะแนะนำให้เอาออกก่อนติดเครื่องมือจัดฟัน เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาระหว่างจัดฟัน เนื่องจากฟันคุดที่โผล่พ้นเหงือกขึ้นมาแบบเอียง ๆ มักก่อให้เกิดเหงือกอับเสบ มีเศษอาหารติดบริเวณดังกล่าว มีอาการปวดเป็น ๆ หาย ๆ บางรายอาจทำให้เกิดฟันผุบริเวณซอกฟัน แต่ในผู้ป่วยบางรายทันตแพทย์จัดฟันอาจจะพิจารณาเอาออกระหว่างจัดฟันหรือภายหลังจัดฟันก็ได้ ทั้งนี่ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วย ตำแหน่งและการเอียงตัวของฟันคุดซี่นั้น ๆ
ปัจจุบันผู้ป่วยในวัยผู้ใหญ่เข้ารับการรักษาทางทันตกรรมจัดฟันมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยทั่วไปการเคลื่อนฟันในผู้ใหญ่จะมีการตอบสนองของอวัยวะปริทันต์และกระดูกที่อยู่รอบรากฟันเหมือนผู้ป่วยในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น แต่สาเหตุที่ผู้ใหญ่ใช้ระยะเวลาจัดฟันนานกว่าเด็กนั้น เนื่องมาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
อายุ
การจัดฟันในผู้ใหญ่มักจะมีเงื่อนไขบางอย่างซึ่งต่างจากการจัดฟันในเด็ก เช่น การมีโรคปริทันต์อักเสบ การสูญเสียระดับกระดูกที่อยู่ล้อมรอบฟันที่จะเคลื่อน จึงต้องมีการรักษาปัญหาเหล่านี้ก่อนจัดฟัน และที่สำคัญเมื่ออายุมากขึ้นกระดูกจะมีความแข็งมากขึ้นไปด้วย ดังนั้นการเคลื่อนฟันในผู้ใหญ่ที่มีกระดูกที่แข็งกว่า จึงมักจะใช้เวลาที่นานกว่าเด็ก และอาจพบการโยกของฟันที่กำลังเคลื่อนได้มากกว่าในเด็กเนื่องจากกระบวนการสร้างและสลายกระดูกที่อยู่ล้อมรอบรากฟันในผู้ใหญ่เกิดได้ช้ากว่าเด็ก
การสบฟัน
การแก้ไขการสบฟันผิดปกติที่มีมาตั้งแต่วัยเด็กแต่ไม่ได้รับการแก้ไข อาจทำให้ความผิดปกตินั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในผู้ใหญ่มักจะพบปัญหาฟันหน้าสบลึกร่วมด้วย โดยมักจะเกิดจากการสึกของฟันตามอายุ กรณีเช่นนี้จะยิ่งเพิ่มความซับซ้อนและระยะเวลาในการจัดฟันมากขึ้น และส่วนใหญ่แล้วการจัดฟันในผู้ใหญ่จะเน้นการแก้ปัญหาเพื่อให้มีการบดเคี้ยวที่ดีขึ้นมากกว่าเรื่องความสวยงาม
การถอนฟัน
ในผู้ใหญ่มักจะมาด้วยการสูญเสียฟันบางซี่ไปแล้ว การจัดฟันก็จะมีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้นตามไปด้วย ตำแหน่งที่สูญเสียฟันไปนาน ๆ บางบริเวณก็ไม่สามารถที่จะเคลื่อนฟันข้างเคียงเข้ามาปิดช่องว่างได้ ดังนั้นการจัดฟันในผู้ป่วยบางรายจะเป็นการจัดฟันเพื่อตั้งฟันที่ล้มเข้าหาช่องว่างเพื่อทำการใส่ฟันภายหลังการจัดฟันเสร็จสิ้น
อาการปวดฟันหลังจากปรับเครื่องมือจัดฟันใหม่ ๆ สามารถพบได้ปกติในช่วง 1-3 วันแรก และจะทุเลาลงได้เองภายใน 7 วัน ผู้ป่วยสามารถรับประทานทานยาแก้ปวด เช่น paracetamol เพื่อบรรเทาอาการปวดได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาแก้ปวดในกลุ่ม NSIADs เช่น Ibuprofen เนื่องจากจะมีผลทำให้การเคลื่อนฟันช้าลงได้หากรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง หากผู้ป่วยมีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานยากลุ่มนี้ ให้ปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันด้วย
Invisalign
“อินวิซาไลน์” เป็นเครื่องมือจัดฟันที่ทำมาจากพลาสติกที่ผิวสัมผัสเรียบ พิเศษกว่าการจัดฟันแบบใส่เหล็กตรงที่ใสจนแทบมองไม่เห็น สบายกว่าไม่ระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อในปาก สามารถถอดออกได้ง่ายเวลารับประทานอาหารหรือแปรงฟัน ซึ่งจะถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล โดยการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาโดยบริษัท Align Technology ในการผลิตชุดของเครื่องมือจัดฟัน โดยแต่ละชุดจะค่อย ๆ จัดเรียงฟันของคุณให้เคลื่อนไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์จัดฟันได้กำหนดไว้ในแผนการรักษาอย่างเป็นธรรมชาติ
ระบบ Invisalign สามารถเคลื่อนฟันได้อย่างแม่นยำ
SmartTrack เป็นวัสดุที่ใช้ในการผลิตชิ้นงานซึ่งเป็นพลาสติกชนิดพิเศษที่มีคุณภาพสูง เหนียวแต่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถสร้างแรงกระทำที่นุ่มนวลและสม่ำเสมอจึงควบคุมการเคลื่อนตัวของฟันได้ดีกว่า
SmartForce เป็นคุณสมบัติที่ออกแบบมาเพื่อสร้างแรงกระทำที่สามารถเคลื่อนฟันได้อย่างแม่นยำ โดยจะมาในรูปแบบของปุ่มที่ติดบนตัวฟันที่เรียกว่า Attachment
SmartStage เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ปรับปรุงกระบวนการเคลื่อนตัวของฟันให้แม่นยำ โดยใช้ clincheck กำหนดแผนการรักษาทำให้เห็นการเคลื่อนตัวของฟันตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งรักษาเสร็จ
สามารถทำได้โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องอายุ
การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร
ในผู้ป่วยบางราย การจัดฟันเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขความผิดปกติได้ทั้งหมด การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกรเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพื่อแก้ไขปัญหาตำแหน่งหรือขนาดของขากรรไกรบนและล่างไม่สัมพันธ์กัน ทำให้เกิดปัญหาการบดเคี้ยว การออกเสียง และในบางรายยังส่งผลต่อรูปหน้าอีกด้วย
กรณีใดบ้างที่จำเป็นต้องผ่าตัดขากรรไกรทั้งบนและล่างพร้อมกัน
การวางแผนการรักษาว่าจะผ่าตัดกี่ขากรรไกรนั้น เป็นการทำงานร่วมกันเป็นทีมของทันตแพทย์จัดฟันและทันตแพทย์สาขาศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล ซึ่งจะต้องวางแผนการรักษาร่วมกันก่อนเริ่มการรักษา ผู้ป่วยบางรายอาจจะได้แผนการรักษาที่ขากรรไกรใดขากรรไกรหนึ่งที่ผิดปกติ แต่ในบางรายจำเป็นต้องผ่าตัดทั้งขากรรไกรบนและล่าง ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยมีความผิดปกติของตำแหน่งและขนาดของขากรรไกรทั้งบนและล่าง ผู้ป่วยที่มีใบหน้าเบี้ยว ผู้ป่วยที่มีแนวการสบฟันเอียง ผู้ป่วยที่ผ่าตัดขากรรไกรเพื่อแก้ไขภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ เป็นต้น
Orthognathic Surgery (One-jaw Surgery) (ภาพ : zeahdental.net)
Orthognathic Surgery (Two-jaw Surgery) (ภาพ : zeahdental.net)
ขั้นตอนในการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกรมีอะไรบ้าง
ผู้ป่วยที่มีปัญหาการสบฟันผิดปกติ และสงสัยว่าตนเองนั้นจำเป็นต้องจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกรหรือไม่ สามารถนัดปรึกษากับทันตแพทย์จัดฟันเฉพาะทางเพื่อขอทราบข้อมูลและแนวทางการรักษาเบื้องต้นได้
การรักษาจะเริ่มจากตรวจทางคลินิกในช่องปาก การตรวจใบหน้า การพิมพ์ปากเพื่อทำแบบจำลองฟัน และเอกซเรย์เหมือนการจัดฟันทั่วไปแบบไม่ผ่าตัด ซึ่งในส่วนเอกซเรย์นั้นทันตแพทย์จัดฟันอาจจะมีการส่งถ่ายภาพรังสีเพิ่มเติม เช่นภาพรังสีสามมิติ CBCT เมื่อมีข้อบ่งชี้
จากนั้นทันตแพทย์จัดฟันจะนำข้อมูลที่ได้มาทั้งหมดมาวิเคราะห์ว่าเคสที่มีปัญหาความผิดปกติของขากรรไกรนั้น สามารถมีแผนการรักษาอะไรได้บ้าง ในบางรายสามารถจัดฟันอย่างเดียว บางรายอาจจะต้องมีการผ่าตัดขากรรไกรร่วมด้วย แต่ในบางรายที่แผนการรักษาไปได้ทั้งสองทาง ทันตแพทย์จัดฟันจะทำการอธิบายข้อดีข้อเสียต่าง ๆ แล้วให้ผู้ป่วยเป็นผู้เลือกแผนการรักษาสุดท้ายเมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว
เมื่อแผนการรักษาเป็นการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร ทันตแพทย์จัดฟันจะทำการส่งต่อผู้ป่วยไปพบทันตแพทย์สาขาศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล เพื่อทำการตรวจทางคลินิกอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงประเมินแผนการรักษาสำหรับการผ่าตัดขากรรไกร ในการนัดครั้งนี้ ผู้ป่วยจะทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสำหรับการผ่าตัดว่าเคสตนเองต้องผ่าตัดกี่ขากรรไกร ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดมีอะไรบ้าง ตลอดจนซักถามข้อสงสัยต่าง ๆ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินในการเลือกแผนการรักษา
โดยทั่วไป การรักษาด้วยการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกรประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้
การจัดฟันหลังการผ่าตัด (Post-surgical Orthodontics)
เป็นการจัดฟันเพื่อเก็บรายละเอียดให้การสบฟันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยมากจะใช้หนังยางดึงฟันร่วมด้วย และมักจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน – 1 ปี
การนัด follow up หลังออกจากโรงพยาบาล
ทันตแพทย์จะนัดผู้ป่วยเพื่อติดตามผลการรักษาภายหลังการผ่าตัดขากรรไกรเป็นระยะ ๆ โดยจะทำการตรวจใบหน้า การตรวจภายในช่องปาก การตัดไหมเย็บแผล และการตรวจผ่านทางภาพรังสีสามมิติ CBCT
การนัด follow up จะถี่ในช่วงแรกจนเหลือปีละ 1 ครั้ง โดยทั่วไปจะนัดหลังการผ่าตัด 1 สัปดาห์ 2 สัปดาห์ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี และนัดหลังจากนั้นปีละครั้งจนครบ 5 ปี
การตัดไหม โดยทั่วไปจะตัดไหมในช่วง 2-6 สัปดาห์หลังการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับระยะอ้าปากของผู้ป่วย
การส่งถ่ายภาพรังสีสามมิติ CBCT จะทำหลังผ่าตัด 1 วัน 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี ปี และนัดหลังจากนั้นปีละครั้งจนครบ 5 ปี
การผ่าตัดเอาแผ่นดามกระดูกและสกรูออก ในผู้ป่วยที่ต้องการผ่าตัดเอาแผ่นดามกระดูกและสกรูออก จะทำในช่วง 1 ปี หลังผ่าตัดขากรรไกร หากมีแผ่นดามกระดูกและสกรูในขากรรไกรล่าง สามารถเอาออกภายใต้การฉีดยาชาเฉพาะที่ แต่หากมีแผ่นดามกระดูกและสกรูในขากรรไกรบน มักจะแนะนำให้ผ่าตัดเอาออกภายใต้การดมยาสลบ
โดยปกติฟันจะตั้งอยู่บนขากรรไกร หากผู้ป่วยที่มีตำแหน่งของขากรรไกรบนและ/หรือล่างที่ผิดปกติไปก็จะส่งผลต่อการสบฟัน ก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น ปัญหาการกัดสบ ปัญหาการบดเคี้ยว ในบางรายอาจพบการออกเสียงไม่ชัด มีปัญหาเรื่องรูปหน้าผิดปกติ เช่น มีขากรรไกรล่างยื่น การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร ทันตแพทย์จัดฟันจะทำงานร่วมกับทันตแพทย์สาขาศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล ในการแก้ไขปัญหาของขากรรไกรและฟันให้กลับมาทำหน้าที่ได้ปกติ
เมื่อผู้ป่วยเข้าสู่วัยที่หมดการเจริญเติบโตแล้ว ได้แก่ ผู้ปวยในช่วงอายุ 18-20 ปีขึ้นไป การแก้ไขปัญหาของขนาดและรูปร่างของขากรรไกรที่ผิดปกติไป จะทำได้ด้วยการผ่าตัดขากรรไกรเท่านั้น
สาเหตุที่มักพบได้บ่อย ได้แก่ ความผิดปกติของพันธุกรรม เมื่อผู้ป่วยเจริญเติบโตมากขึ้น จะพบว่าขากรรไกรบนและล่างจะเจริญแบบไม่สัมพันธ์กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ฟันหน้าไม่สบกัน มีปัญหาการบดเคี้ยว หรือ มีปัญหาในการออกเสียง สาเหตุอื่น ๆ ที่อาจพบ ได้แก่ ความผิดปกติแต่กำเนิด การได้รับอุบัติเหตุบริเวณขากรรไกรและใบหน้า เป็นต้น
เนื่องจากฟันตั้งอยู่บนขากรรไกร หากมีการเปลี่ยนตำแหน่งไปของขากรรไกรจากการผ่าตัด ก็จะทำให้การสบฟันเปลี่ยนแปลงไปด้วย ดังนั้นในเคสส่วนใหญ่การรักษาสองอย่างนี้จึงไม่สามารถแยกจากกันได้ การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกรจะเป็นการรักษาที่ดูแล 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนของฟัน และส่วนของขากรรไกร ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกันเป็นทีมของทันตแพทย์ 2 สาขา ได้แก่ ทันตแพทย์จัดฟันและทันตแพทย์สาขาศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล หลังจากผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดเพื่อแก้ไขความผิดปกติของขากรรไกรแล้ว ทันตแพทย์จัดฟันมีหน้าที่ในการจัดฟันเพื่อให้ได้การสบฟันที่ดีต่อไป
การผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาของขากรรไกรที่ผิดปกติมักเป็นผลมาจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ อาจจะน้อยเกินไปหรือมากเกินไป การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกรจะทำเมื่อผู้ป่วยเข้าสู่ช่วงที่การเจริญเติบโตสิ้นสุดแล้ว
การวางแผนการรักษาว่าจะผ่าตัดกี่ขากรรไกรนั้น เป็นการทำงานร่วมกันเป็นทีมของทันตแพทย์จัดฟันและทันตแพทย์สาขาศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล ซึ่งจะต้องวางแผนการรักษาร่วมกันก่อนเริ่มการรักษา ผู้ป่วยบางรายอาจจะได้แผนการรักษาที่ขากรรไกรใดขากรรไกรหนึ่งที่ผิดปกติ แต่ในบางรายจำเป็นต้องผ่าตัดทั้งขากรรไกรบนและล่าง ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยมีความผิดปกติของตำแหน่งและขนาดของขากรรไกรทั้งบนและล่าง ผู้ป่วยที่มีใบหน้าเบี้ยว ผู้ป่วยที่มีแนวการสบฟันเอียง ผู้ป่วยที่ผ่าตัดขากรรไกรเพื่อแก้ไขภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ เป็นต้น
การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกรด้วยวิธีแบบดั้งเดิมนั้น จะมี 3 ขั้นตอนหลัก ๆ คือ จัดฟัน --> ผ่าตัด --> จัดฟัน ในปัจจุบันการทำ surgery first approach ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยจะได้รับการผ่าตัดก่อนการจัดฟันเพื่อเป็นการแก้ไขที่โครงสร้างของขากรรไกรที่ผิดปกติทันที
ข้อดีของ surgery first approach คือ สามารถแก้ไขความผิดปกติของโครงสร้างใบหน้าและขากรรไกรได้ตั้งแต่ช่วงแรกของการรักษา ไม่มีระยะที่รูปหน้าและการสบฟันของผู้ป่วยแย่ลงจากการจัดฟันก่อนการผ่าตัด การจัดฟันในช่วง 3-4 เดือนแรกหลังการผ่าตัดจะเคลื่อนได้ไวกว่าปกติจาก regional acceleratory phenomenon ทำให้ร่นระยะเวลาที่ใช้สำหรับการจัดฟันได้ และหากมีการคืนตัวกลับของกระดูกขากรรไกรจากการผ่าตัด สามารถแก้ไขในระหว่างการจัดฟันได้ อย่างไรก็ตามการพิจารณาว่าผู้ป่วยสามารถทำแบบ surgery first approach ได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับลักษณะการสบฟันของผู้ป่วยที่มีอยู่ และความชำนาญของทันตแพทย์ที่จะทำการรักษา