ขูดหินปูน และ เกลารากฟัน ต่างกันอย่างไร
หลายคนสงสัยว่า ขูดหินปูน กับ เกลารากฟัน ต่างกันอย่างไร และจำเป็นต้องทำทั้งสองอย่างหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการ เหงือกอักเสบ หรือมี หินปูนสะสม บางคนอาจได้รับคำแนะนำให้ขูดหินปูน แต่บางคนอาจต้องเกลารากฟันร่วมด้วย ทำให้เกิดความสับสน
บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจว่า “การขูดหินปูนต่างจากการเกลารากฟันอย่างไร” แต่ละวิธีเหมาะกับใคร และเมื่อไหร่ควรเข้ารับการรักษา เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพเหงือกและฟันได้อย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น
การขูดหินปูน
ขูดหินปูนเป็นการกำจัดคราบหินปูนที่เกาะตามซอกฟันและใต้เหงือก ซึ่งส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องฉีดยาชา เพราะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย
การขูดหินปูน เหมาะกับใคร
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา เหงือกอักเสบ ขั้นต้น ที่ต้องการดูแลสุขภาพช่องปากให้กลับมาแข็งแรง การขูดหินปูนช่วยขจัดคราบหินปูนที่เป็นสาเหตุของการอักเสบ ทำให้เหงือกหายอักเสบ ลดอาการเสียวฟัน และป้องกันปัญหาช่องปากที่รุนแรงขึ้น เช่น โรคปริทันต์ อีกทั้งยังช่วยให้หายใจสดชื่นและมั่นใจในการยิ้มมากขึ้น
รักษาโรคปริทันต์ด้วยการเกลารากฟัน
โรคปริทันต์อักเสบ มีความรุนแรงมากกว่าโรคเหงือกอักเสบ ต้องรักษาโดยการเกลารากฟัน โดยจะกำจัดหินปูน สิ่งสะสมบนผิวรากฟันและเนื้อเยื่ออักเสบที่อยู่ใต้เหงือกลึกๆ เป็นการใช้เครื่องมือปริทันต์ เกลากำจัดหินปูนที่อยู่ใต้เหงือก ส่วนใหญ่จะลึกมากกว่า 3 มิลลิเมตรขึ้นไป ซึ่งมักจะทำให้เกิดความเจ็บปวด จึงจำเป็นต้องทำร่วมกับการฉีดยาชา
ใครบ้างที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยการเกลารากฟัน
การเกลารากฟันนั้นจะใช้รักษาในผู้ป่วยที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบ คือมีการทำลายอวัยวะปริทันต์ ไม่ใช่เฉพาะที่เหงือกแต่ลุกลามไปถึงกระดูกเบ้าฟัน สามารถสังเกตได้คือ เหงือกมีการอักเสบ ร่วมกับการมีเหงือกร่น หรือมีฟันโยก หรือบางครั้งอาจมีฝีปริทันต์ร่วมด้วย หากไม่ได้รับการรักษา อาจจะต้องสูญเสียฟันไปในที่สุด
รู้หรือไม่ อาการเหงือกอักเสบไม่ได้มีแค่เลือดออกเวลาแปรงฟันเท่านั้น
เช็กอาการเหล่านี้ด่วน ถ้าพบเจอ รีบมาพบทันตแพทย์โดยเร็ว
มีกลิ่นปาก
ฟันโยก
เหงือกบวมแดง
มีเลือดออกตามไรฟัน
มีหนองตามร่องเหงือก
เหงือกร่นทำให้เห็นฟันยาวขึ้นผิดปกติ
โรคเหงือกอักเสบหากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจนำไปสู่ปัญหาที่ร้ายแรงกว่า เช่น ฟันโยกและหลุดทั้งยังส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม
อย่ารอให้สายเกินไป! ควรมาตรวจสุขภาพช่องปากพื่อตรวจเช็คสุขภาพเหงือกและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม