สะพานฟัน
Dental Bridge
สะพานฟัน ทางเลือกในการทดแทนฟันที่หายไป
สะพานฟัน คืออะไร
สะพานฟัน (Dental Bridge) คือฟันปลอมแบบติดแน่นที่ใช้ทดแทนฟันที่หายไป 1 ซี่หรือมากกว่า โดยใช้ฟันธรรมชาติซี่ข้างเคียงเป็นเสาหลักในการยึดตัวสะพาน
ตัวสะพานฟันจะประกอบด้วย
• ฟันปลอมตรงกลาง (Pontic) ทำหน้าที่แทนฟันที่หายไป
• ครอบฟันด้านข้าง (Crown) ครอบลงบนฟันธรรมชาติที่อยู่ข้างซ้ายและขวาของช่องว่าง เพื่อเป็นตัวยึดสะพานฟันให้อยู่กับที่
สูญเสียฟัน 1–2 ซี่ติดกัน และต้องการฟันปลอมแบบติดแน่น
ฟันข้างเคียงยังแข็งแรง พอจะใช้เป็นหลักยึดสะพานฟันได้
ไม่ต้องการฟันปลอมแบบถอดได้ เพราะไม่สะดวกหรือรู้สึกไม่มั่นใจ
ยังไม่พร้อมฝังรากเทียม เช่น กระดูกขากรรไกรไม่พอ มีงบประมาณจำกัด หรือกังวลขั้นตอนการผ่าตัดฝังรากเทียม
สะพานฟันเหมาะกับ
กรณีใดบ้าง
สะพานฟันสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
-
1. สะพานฟันแบบดั้งเดิม (Traditional Bridge)
ใช้ฟันธรรมชาติสองซี่ที่อยู่ข้างช่องว่างเป็นหลักยึด โดยต้องกรอฟันทั้งสองซี่เพื่อใส่ครอบฟัน และมีฟันปลอม (pontic) อยู่ตรงกลาง
-
2. สะพานฟันแบบติดด้านเดียว (Cantilever Bridge)
ใช้ฟันธรรมชาติเพียงซี่เดียวเป็นหลักยึด เหมาะกับกรณีที่มีฟันอยู่ข้างเดียวของช่องว่าง มักใช้ในบริเวณฟันหน้าที่ไม่ได้รับแรงเคี้ยวมาก
-
3. สะพานฟันแบบมีปีก (Maryland Bridge)
ฟันปลอมจะมี “ปีก” ติดไว้ด้านหลังของฟันธรรมชาติข้างเคียง โดยไม่ต้องกรอฟันมาก เหมาะสำหรับกรณีที่ต้องการรักษาแบบอนุรักษ์เนื้อฟัน โดยเฉพาะในฟันหน้า
-
4. สะพานฟันที่ยึดด้วยรากฟันเทียม (Implant-supported Bridge)
แทนที่จะยึดกับฟันธรรมชาติ สะพานฟันประเภทนี้จะยึดกับรากฟันเทียมที่ฝังในกระดูกขากรรไกร เหมาะสำหรับผู้ที่ฟันหายไปหลายซี่ติดกัน หรือไม่มีฟันธรรมชาติที่แข็งแรงพอจะยึดสะพาน
ขั้นตอนการทำสะพานฟัน
1. ตรวจและวางแผนการรักษา
– ตรวจประเมินสภาพฟันที่อยู่ข้างช่องว่าง โดยดูว่าฟันข้างเคียงแข็งแรงพอสำหรับใช้เป็นหลักยึดหรือไม่
– ถ่ายภาพเอกซเรย์เพื่อวางแผนการกรอฟันและออกแบบสะพานฟันให้พอดีกับตำแหน่งฟันที่หายไป
2. กรอฟันข้างเคียงและพิมพ์ปาก
– กรอแต่งฟันที่อยู่ติดกับช่องว่าง เพื่อใช้เป็นตัวยึดสะพานฟัน
– บางกรณีอาจต้องฉีดยาชาก่อนกรอเนื้อฟัน เพื่อป้องกันอาการเสียวฟันระหว่างทำหัตถการ
– สแกนฟันในช่องปากด้วยระบบดิจิทัล หรือพิมพ์ปาก เพื่อส่งข้อมูลไปผลิตสะพานฟันถาวร
– ใส่สะพานฟันชั่วคราวระหว่างรอ เพื่อป้องกันฟันข้างเคียงล้มเอียง และช่วยในการใช้งานชั่วคราว
3. ใส่สะพานฟันถาวร
– เมื่อสะพานฟันถาวรผลิตเสร็จ (โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 5–7 วัน หากต้องการเร่งด่วนสามารถแจ้งล่วงหน้าได้)
– ทันตแพทย์จะทดลองใส่ ตรวจสอบการสบฟัน ความแน่นพอดี และเฉดสี
– หากทุกอย่างเหมาะสม จะทำการยึดติดสะพานฟันด้วยซีเมนต์ทางทันตกรรม และปรับแต่งให้นุ่มนวลต่อการใช้งาน
• ติดแน่น สวยงาม ใช้งานได้ใกล้เคียงฟันธรรมชาติ
• ไม่ต้องผ่าตัด
• ใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่ารากเทียม
ข้อดีของสะพานฟัน
ข้อจำกัดของการทำสะพานฟัน
• ต้องกรอฟันธรรมชาติซี่ข้างเคียง
• ทำความสะอาดใต้สะพานยากกว่าฟันธรรมชาติ ต้องใช้ superfloss หรือแปรงซอกฟัน
• หากฟันข้างเคียงไม่แข็งแรง อาจไม่เหมาะสม
REVIEW CASE
ก่อนและหลังทำสะพานฟัน ที่บิ๊กเม้าท์เท็น
คำแนะนำหลังใส่สะพานฟัน
งดเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียว ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังใส่สะพานฟันถาวร
หลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัด เย็นจัด หรือมีความเป็นกรดสูง เช่น น้ำอัดลมหรือผลไม้รสเปรี้ยว เพราะอาจกระตุ้นอาการเสียวฟันในช่วงแรก
หากมีอาการเสียวฟัน ถือเป็นเรื่องปกติในระยะแรก
เลือกรับประทานอาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก หรืออาหารที่เคี้ยวง่าย จนกว่าจะเริ่มชินกับสะพานฟันใหม่
ดูแลความสะอาดเป็นพิเศษ โดยแปรงฟันให้ทั่วถึง และใช้ไหมขัดฟันชนิดพิเศษ เช่น superfloss หรือแปรงซอกฟัน เพื่อทำความสะอาดบริเวณใต้สะพานฟันที่แปรงฟันทั่วไปเข้าไม่ถึง
เข้ารับการตรวจตามนัดกับทันตแพทย์เพื่อประเมินการใช้งานสะพานฟัน และติดตามสุขภาพฟันและเหงือกโดยรอบอย่างสม่ำเสมอ
FAQs
คำถามที่พบบ่อย
-
เมื่อเทียบกับฟันปลอมถอดได้
สะพานฟันจะติดแน่น ใส่สบาย ไม่ต้องถอดล้างทุกวัน แต่ฟันปลอมถอดได้จะเหมาะในบางกรณีที่มีฟันหายหลายซี่ หรืองบประมาณจำกัด
เมื่อเทียบกับรากฟันเทียม
รากเทียมจะไม่กระทบฟันซี่ข้างเคียงเลย และอายุการใช้งานยาวนานกว่า แต่ต้องมีขั้นตอนผ่าตัดฝังรากเทียมร่วมด้วย
สรุป ถ้าฟันข้างเคียงยังดี และไม่อยากผ่าตัด รักษาด้วยสะพานฟันถือเป็นทางเลือกได้
แต่หากอยากได้ผลลัพธ์ระยะยาวแบบไม่แตะฟันซี่อื่น รากเทียมก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
-
ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะจะทำสะพานฟันค่ะ
โดยทั่วไป สะพานฟันเหมาะกับผู้ที่สูญเสียฟันบางซี่ และยังมีฟันธรรมชาติที่แข็งแรงอยู่ข้าง ๆ เพื่อใช้เป็นหลักยึดสะพาน
ปัจจุบันสะพานฟันได้รับความนิยมน้อยลง เนื่องจากต้องมีการกรอฟันธรรมชาติข้างเคียง ซึ่งอาจทำให้ฟันที่ยังดีอยู่สูญเสียเนื้อฟันโดยไม่จำเป็น
ในหลายกรณีทันตแพทย์มักแนะนำให้พิจารณาทำรากฟันเทียม เพราะไม่ต้องกรอฟันซี่อื่นและให้ผลลัพธ์ที่มั่นคงและยาวนานกว่า
-
อายุการใช้งานของสะพานฟันขึ้นอยู่กับฟันข้างเคียงและการดูแลช่องปาก
ควรพบทันตแพทย์สม่ำเสมอ ขูดหินปูน ตรวจฟันผุ และดูแลความสะอาดให้ดี หลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็ง เพื่อยืดอายุสะพานฟันให้นานที่สุดค่ะ
-
ปัจจุบันมีวัสดุที่นิยมใช้ทำสะพานฟันอยู่ 2 แบบหลัก ๆ ดังนี้:
1. เซรามิกชนิดเซอร์โคเนีย (Zirconia)
แข็งแรง ทนทาน และให้ความสวยงามใกล้เคียงฟันธรรมชาติ เหมาะกับทั้งฟันหน้าและฟันหลัง
เป็นวัสดุที่ทันตแพทย์แนะนำบ่อยที่สุด เพราะดูเป็นธรรมชาติและใช้งานได้นาน
2. โลหะมีค่า (Precious Metal Alloy)
มีความแข็งแรงสูง เหมาะกับฟันหลังที่ต้องรับแรงเคี้ยวมาก หรือในกรณีที่ตัวฟันมีความสูงจำกัด
แม้สีจะไม่เหมือนฟันจริง แต่นิยมใช้ในตำแหน่งที่ไม่เห็นชัด เช่น ฟันกรามด้านหลัง เพราะมีข้อดีคือ ความทนทานและไม่สึกกร่อนง่าย
-
ไม่สามารถเบิกได้ค่ะ ประกันสังคมจะครอบคลุมเฉพาะฟันปลอมแบบถอดได้เท่านั้น สะพานฟันถือเป็นฟันปลอมแบบติดแน่น จึงไม่สามารถเบิกได้ค่ะ
-
หากยังไม่ได้ใส่สะพานฟัน แนะนำให้จัดฟันให้เสร็จก่อน แต่ถ้าใส่สะพานฟันอยู่แล้ว ยังสามารถจัดฟันได้ค่ะ เพียงแต่แผนการรักษาอาจซับซ้อนขึ้น เพราะฟันที่มีสะพานฟันจะเคลื่อนที่ได้จำกัด หรือเลี่ยงโดยการไม่ขยับสะพานฟันเลยถ้าไม่จำเป็น
-
หากสะพานฟันแตกหรือหลุด ควรรีบติดต่อทันตแพทย์ที่ทำการรักษาโดยเร็วที่สุด เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจทำให้ฟันข้างเคียงล้ม เคลื่อนที่ ส่งผลให้ใส่สะพานฟันกลับไม่ได้ หรืออาจทำให้ฟันข้างเคียงผุได้ง่าย เนื่องจากเนื้อฟันธรรมชาติเคยถูกกรอแต่งไว้แล้ว
เบื้องต้นควรปฏิบัติดังนี้:
เก็บสะพานฟันเดิมไว้ โดยใส่ในภาชนะสะอาดและแห้ง เพื่อนำไปให้ทันตแพทย์ตรวจประเมินว่าสามารถซ่อมหรือใส่กลับได้หรือไม่
หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารด้านที่สะพานฟันหลุด เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระทำกับฟันข้างเคียงหรือรากฟัน
รักษาความสะอาดช่องปากให้ดีเป็นพิเศษ โดยแปรงฟันอย่างระมัดระวัง และบ้วนปากด้วยน้ำเกลือหรือน้ำยาบ้วนปากสูตรอ่อน เพื่อช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค
Confident smiles for everyone
Confident smiles for everyone
ทำสะพานฟันที่ Bigmouthten ด้วยวัสดุคุณภาพสูงและเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อผลลัพธ์ที่พอดี ใช้งานได้ยาวนาน และรอยยิ้มที่มั่นใจกว่าเดิม
หากคุณกำลังพิจารณาการทำสะพานฟัน และต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม Bigmouthten ยินดีให้บริการและดูแลคุณทุกขั้นตอนค่ะ